วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ชอบถนัด

ต้องขอบคุณน้องๆที่สละเวลามาคอมเม้นให้บันทึกแห่งความสุขอันก่อน
ทุกคำตอบรับ ไม่ว่าจะด่า หรือชม หรือการแบ่งปันความคิด มีค่าเสมอ

มีคำพูดว่า การได้ทำสิ่งที่ชอบคือความสุข
ผมก็เชื่ออย่างนั้น แต่ที่เชื่อกว่านั้นคือ...
การได้ทำสิ่งที่ชอบและถนัดจะมีความสุขยิ่งกว่า

เมื่อก่อนตอนเป็นลูกจ้างเขา
ก็คิดว่า..เป็นผู้ประกอบการคงมีความสุขมากมาย
จึงลาออกจากงาน ไปลุยมันเต็มที่ แต่ไปไม่รอด
มานั่งพิจารณา รวมทั้งให้ผู้เชี่ยวชาญวิจารณ์
พบหลายข้อของความผิดพลาด
และข้อที่ร้ายกาจที่สุดคือ..ตัวเองไม่มีความถนัด
ถ้าจะสร้างความถนัดนี้ คงต้องฝึกฝนพร้อมต้นทุนที่เสียไปอีกบาน

ต้องกลับมาเป็นลูกจ้างอีกครั้ง
และแน่นอน ไม่มีความสุข ไม่อยากเป็น ไม่อยากทำ
แม้ตำแหน่งและหน้าที่จะดูดีขึ้นก็ตามเถอะ

แล้วในวันหนึ่ง..เมื่อได้ยินแม่พูด
"เรื่องอื่นแม่ไม่รู้ แต่ถ้าเป็นเรื่องวิชาการแล้ว ลูกบ่าวของแม่ไม่แพ้ใคร"
(ลูกบ่าว เป็น คำเรียกลูกชายคนโตของชาวปักษ์ใต้)

ใครพูด..จะดูไม่ซึ้งและไม่ได้คิด..เท่ากับการที่พระมารดาพูดให้ฟัง
แม้ว่า..ตอนวัยรุ่นจะไม่ค่อยอยากนัก แต่พอโตขึ้น ไม่รู้ทำไม...
อยากให้ท่านสั่ง อยากให้ท่านสอน อยากให้ท่านตัก อยากให้ท่านเตือน

ไม่ว่าครั้งนั้น แม่จะพูดยกยอให้ลูกชื่นใจ หรืออะไรก็ตามแต่
ประโยคนั้นทำให้ตระหนักนึก ตรึกตรอง และรู้ว่า..
ความถนัดที่ติดตัวมานานแสนนานของตัวเองคืออะไร
ทำให้ต้องเอารายการที่ตัวเองชอบ ที่อยากเป็น ที่อยากทำ
มาลองจับคู่ตุนาหงันเข้ากับสิ่งที่ตัวเองถนัด

การตัดสินใจลาออกอีกครั้ง จึงได้เกิดขึ้น

สัปดาห์ที่ผ่านมา...
ดัชนีความสุขของตัวเองขึ้นลงผันผวน อย่างกับดัชนีหุ้นในภาวะตลาดปั่นป่วน
ข่าวดีมากระทบก็พุ่งปรู๊ด ข่าวร้ายเข้ามาก็ร่วงพราว
โชคยังดี ที่หุ้นชีวิตตัวนี้มีปัจจัยพื้นฐานที่ไม่เลวร้ายนัก
จึงถือว่า..ดัชนีความสุขของผมยังชนะดัชนีเฉลี่ยของตลาดมาได้
..แม้ในช่วงเวลาที่ยากเย็น

ถ้าจะบอกว่า ปัจจัยพื้นฐานของความสุขนั้น ผมได้มาจาก..
การได้ทำงานวิจัยในวันจันทร์-ศุกร์
งานเป็นติวเตอร์ให้น้องๆที่น่ารักในวันเสาร์-อาทิตย์
และการแบ่งบันเรื่องราวเล็กๆน้อยๆ..ผ่านการเขียนอย่างนี้

ถ้าผมจะพูดอย่างนั้น..คงไม่ได้เป็นการพูดเกินจริงมากนัก

คงเพราะว่า..
ผมกำลังทำสิ่งที่ "ชอบถนัด" อยู่นั้นเอง

-----------------------------------------------------------------------------------------

5 ความคิดเห็น:

  1. เห็นด้วยครับ ว่ากำลังใจจากใครก็ไม่สู้กำลังใจจากบิดา มารดา

    ดีครับดี ที่ได้ค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบและถนัด ผมสิยังค้นไม่พบเลย - -"

    พี่เปิดโรงเรยนสอนพิเศษเป็นของตัวเองเมื่อไหร่ อย่าลืมมาจ้างผมไปสอนด้วยนะครับ :D

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ24 พฤษภาคม 2553 เวลา 22:52

    สัมนาย่อยตอนบ่ายหลังอาหารกลางวัน

    "หรือว่าจะเป็นเพราะคุณยังหาในสิ่งที่ตัวเองถนัดไม่เจอ" เป็นคำพูดที่ทิ้งท้ายของนายสุขนิยม ย้อนความไปสมัยเป็นหนุ่มน้อย ชอบถนัด มันเป็นเรื่องที่ทำให้ ละอ่อนเหนือหน้าใสๆ อย่างผมถึงต้องทำนู้นทำนี่มากมาย นู้นก็อยากทำ นี่ก็อยากทำ อยากทำเป็นหมด เพราะอยากถนัดตอนชีวิตลูกจ้าง โชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ พอทำไปสักพักก็รู้สึกว่าสิ่งที่ทำมันยังถนัดไม่พอ แต่ที่ถนัดพอก็ดันเป็นสิ่งที่ไม่ถนัดที่จะชอบ T__T" กำ มันเป็นอสมการที่ผมไม่สามารถตอบโจทย์ยากในวันนั้นได้ เลยตั้งคำถามและตัดสินใจและให้เหตุผลกับตัวเองใหม่ว่า เอ้ ถ้าเรามาเริ่มทำในสิ่งที่ใครๆ ก็ไม่ถนัดและตัวเองอยากถนัดแล้วอะไรมันจะเกิดขึ้น มันก็เลยเป็นที่มาของละอ่อนเหนือที่ผันชีวิตของลูกจ้างมาเป็นนักวิจัยเหมือนกับนายสุขนิยม ขอย้อนไปสมัยที่เป็นละอ่อนน้อยอีกรอบ(น้อยกว่าละอ่อน น่าจะประถมได้) แม่อยากให้ผมเป็นหมอแต่ก็โชคยังเข้าข้างได้เรียนกับหมอได้ใส่เสื้อกราน์ขาวๆ *ขอย้ำว่าขาวๆเพราะผมรู้ใจนายสุขนิยม แล้วหนำซ้ำก็ต้องมา ** เพราะ*หมอไปตามระเบียบ* นี่ต้องบอกนายสุขนิยมก่อนว่าไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อนเลย มันพูดยากที่จะตอบแทนคนอื่นได้ว่า ถนัดชอบ และ ชอบถนัดอะไรมันเป็นแบบไหน มันเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆแล้ว ถ้าใครไม่ลองเรียนรู้ที่จะถนัดชอบ และชอบถนัดในที่สิ่งเรียนรู้แล้ว ชิวิตที่เหลืออยู่อันน้อยนิดนี้ จะมีไปเพื่ออะไรเล่า

    RenDerMan

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ24 พฤษภาคม 2553 เวลา 22:53

    สัมนาย่อยตอนบ่ายหลังอาหารกลางวัน

    "หรือว่าจะเป็นเพราะคุณยังหาในสิ่งที่ตัวเองถนัดไม่เจอ" เป็นคำพูดที่ทิ้งท้ายของนายสุขนิยม ย้อนความไปสมัยเป็นหนุ่มน้อย ชอบถนัด มันเป็นเรื่องที่ทำให้ ละอ่อนเหนือหน้าใสๆ อย่างผมถึงต้องทำนู้นทำนี่มากมาย นู้นก็อยากทำ นี่ก็อยากทำ อยากทำเป็นหมด เพราะอยากถนัดตอนชีวิตลูกจ้าง โชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ พอทำไปสักพักก็รู้สึกว่าสิ่งที่ทำมันยังถนัดไม่พอ แต่ที่ถนัดพอก็ดันเป็นสิ่งที่ไม่ถนัดที่จะชอบ T__T" กำ มันเป็นอสมการที่ผมไม่สามารถตอบโจทย์ยากในวันนั้นได้ เลยตั้งคำถามและตัดสินใจและให้เหตุผลกับตัวเองใหม่ว่า เอ้ ถ้าเรามาเริ่มทำในสิ่งที่ใครๆ ก็ไม่ถนัดและตัวเองอยากถนัดแล้วอะไรมันจะเกิดขึ้น มันก็เลยเป็นที่มาของละอ่อนเหนือที่ผันชีวิตของลูกจ้างมาเป็นนักวิจัยเหมือน กับนายสุขนิยม ขอย้อนไปสมัยที่เป็นละอ่อนน้อยอีกรอบ(น้อยกว่าละอ่อน น่าจะประถมได้) แม่อยากให้ผมเป็นหมอแต่ก็โชคยังเข้าข้างได้เรียนกับหมอได้ใส่เสื้อกราน์ขาวๆ *ขอย้ำว่าขาวๆเพราะผมรู้ใจนายสุขนิยม แล้วหนำซ้ำก็ต้องมา ** เพราะ*หมอไปตามระเบียบ* นี่ต้องบอกนายสุขนิยมก่อนว่าไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อนเลย มันพูดยากที่จะตอบแทนคนอื่นได้ว่า ถนัดชอบ และ ชอบถนัดอะไรมันเป็นแบบไหน มันเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆแล้ว ถ้าใครไม่ลองเรียนรู้ที่จะถนัดชอบ และชอบถนัดในที่สิ่งเรียนรู้แล้ว ชิวิตที่เหลืออยู่อันน้อยนิดนี้ จะมีไปเพื่ออะไรเล่า

    RenDerMan

    ตอบลบ
  4. เห็นด้วยครับเวลาเราทำ"ชอบถนัด" เราก็จะมีความสุขกับมัน ทำไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยเลยจริงๆ ให้ตายสิ เฮ่อ แต่ผมมองว่าเราจะเอาความชอบถนัดไปตัดสินอนาคตของตัวเราเอง เราก็แย่สิ ผมอยากอยู่เฉยๆ อยากวาดรูป อยากเรื่อยเปื่อยไปวันๆ ตายแน่ๆครับ ผมจึงขอเสริมว่าเราต้องฝึกฝนให้สิ่งที่เรา"ไม่ชอบถนัด"ให้มันกลายมาเป็น"ชอบถนัด" ของเราให้ได้ ผมคิดว่าทุกคนคงจะเริ่มฝึกฝนกันแล้ว ไม่อย่างงั้นพวกเราคงไม่ได้มาเจอกันนะครับ :D
    ขอสรุปอสมการนะครับ
    ไม่ชอบถนัด+ฝึกฝน=ชอบถนัด
    สุดท้ายนี้ขอให้พี่ทุกคนชอบถนัดในสิ่งที่ดีๆ กันทุกท่าน สำหรับผม "อ้วนพีและมีความสุข" ก็พอแล้ว
    ปล.ความสุขผมขอแฟน 1 คนนะ อิอิ

    ตอบลบ
  5. ปล.ความสุขผมขอแฟน 1 คนนะ อิอิ
    *
    ชอบถนัด ถนัดที่จะขอแฟนสักคนเรื่องแบบนี้ถนัดนักนะ นายสะเตอลิง

    แล้วถนัดชอบ นี่มันน่าจะหมายถึง ถนัดที่ชอบที่ชอบ อย่างงั้นใช่ไหมคับขอรายละเอียดด้วยผมเริ่มสับสนในตัวเองเดี๋ยวบล็อกของนายสุขนิยมจะไม่ นิยมเรื่องของความสุขไป

    ตอบลบ