วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

บันทึกแห่งความสุข

ท่ามกลางสงครามกลางเมือง ใครจะมีจิตใจหาความสุขกันได้อีกนะ..

บางท่านกล่าวว่า...
ความสุข หากเรามองหาก็จะเจอมันได้ทุกที่แม้ว่าจะอยู่ในแห่งหนอันมีแต่ทุกข์รายล้อม

แต่ก็มีบางท่านกล่าวโต้ว่า..
เราจะหาความสุขได้อย่างไรกัน หากคนรอบข้างยังจมอยู่กับความทุกข์เช่นนั้นเล่า

ก็กล่าวกันไป...

เรื่องความสุขนี้นักปราชญ์บางท่านเอามาทะเลาะถกเถียงกันจนกลายเป็นความทุกข์ไปเสียนิ...ก็มีให้เห็น

เมื่อมีข้อโต้เถียงไม่รู้จบ บล๊อกนี้จึงได้เกิดขึ้นในวู่บหนึ่งของความคิด
เป็นการทดลองภายในสมมุติฐานว่า..
คนเราจะมองหาความสุขท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตได้หรือไม่???
แล้วค่อยมาดูสิว่าความสุขที่เราหาได้นั้น.. หากเราเอามันมาแบ่งปัน
จะไปเปลี่ยนความทุกข์ของคนรอบข้างให้เป็นความสุขได้มากน้อยอย่างไรแค่ไหนกัน 

การจะทำอะไรแล้ว ก็คงต้องเริ่มที่ตัวเองก่อนเสมอ เหตุเพราะ...
ใครจะไปเชื่อที่เราพูด หากเราเองก็ยังไม่สามารถทำอะไรอย่างที่เราพูดเลย

การทดลองจึงเริ่มที่ตัวเอง ทุกสัปดาห์ต่อไปนี้ ความสุขที่ผมสามารถมองเห็นได้จากชีวิตอันวุ่นวิ้นของผมจะถูกบันทึกไว้ในบล๊อกแห่งนี้

ผลจะเป็นยังไง ผมจะมีความสุขมาบันทึกบ้างหรือไม่ แล้วความสุขของผมจะมีผลกระทบกับใครได้บ้าง ติดตามกันต่อไป

วันนี้ถึงตอนจบ..
ขอจบด้วยความเปรยของบล๊อกแห่งนี้ (นี้ก็เป็นความสุข ความสุข หนึ่งของผม ที่ได้สร้างมันขึ้นมา)

"ผมเป็นคนสุขนิยม บล๊อคนี้จึงมีไว้บันทึกความสุข อันความสุขนั้นชอบโผล่มาให้เห็นเช่นวูบหนึ่งของดาวตก แต่สวยงามและคุ้มค่าที่ได้เห็น หากไม่บันทึกความสวยของวูบนั้นเก็บไว้ ก็น่าเสียดาย..."

ณ.วันที่กรุงเทพเมืองฟ้าอมรกำลังมีสงครามกลางเมือง



5 ความคิดเห็น:

  1. ผมว่าอยู่ที่ perspective การมองโลกของแต่ละคนครับพี่

    เห็นด้วยครับที่จะฝึกมองโลกในแง่ดี ฝึกมีความสุขกับสิ่งเล็กน้อยรอบตัว

    พี

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ20 พฤษภาคม 2553 เวลา 21:33

    ถึงพี่แจ็ค

    ผมเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมเล่มหนึ่ง
    เรื่องเกี่ยวกับการสร้างความสุขให้ชีวิต
    เนื้อหากล่าวถึงการ"สร้าง"ความสุข จริงๆ
    เพราะความสุขที่เรามีนั้นเกิดขึ้นจากใจของเราเองแม้ว่าสิ่งที่รายล้อม เรามันจะนำความทุกข์เข้ามาสักเท่าไร
    ที่น่าแปลกอย่างหนึ่งคือหลักการสร้างความสุขนั้นคือเราต้องมีความ รักให้กับทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา
    ผมอ่านแล้วมันก็งงๆ เพราะช่างเหมือนกับหลักของคริสต์จริงๆ

    ฉะนั้น เราจงมารักม็อบเสื้อแดงกัน
    อย่างน้อยม็อบเสื้อแดงก็ทำให้สังคมเกิดความเท่าเทียมกันในระดับ หนึ่ง
    ทำให้ภาคธุรกิจหันกลับมามองภาคเกษตรกรรม
    ฮ่าๆ อุตส่าห์มีความรักกับมันแล้วกลับนึกข้อดีได้ข้อเดียวซะนี่

    แนวทางการสร้างความสุขนั้นหนังสือกล่าวว่าต้องมาควบคู่กับสติ
    เพราะเมื่อเรามีความทุกข์ สติจะเป็นตัวเตือนเรา
    ให้เราระลึกว่าเรากำลังทุกข์ จะได้จัดการกับความทุกข์นั้นซะ

    สุดท้ายนี้ผมขอนำความสุขมาฝากพี่ด้วยพาดหัวข่าวจาก FB ของเพื่อนผม

    หัวข้อข่าววันนี้-"ลุงหมักรับน้องโหด เสธ.แดงครวญ กะทะร้อนกว่าที่คิด
    ฝากสื่อฯชวนรุ่นน้องแม้วและสามเกลอ ให้รีบลงมาด่วน เพราะเหงามาก..."

    by N' Sterling

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ24 พฤษภาคม 2553 เวลา 22:17

    ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาบางครั้งทำให้ตัวเองลืมไปเลยว่าความสุขมันอยู่แห่งหนไหนโชคยังดีที่มีคนๆ หนึ่งกับเจ้าของบล็อกนี้ได้แลกเปลี่ยนความสุขและพูดถึงความสุขแบบนิยม ต้องเรียกว่าความสุขแบบนิยมก็เพราะว่ามันทำให้เราได้เปลี่ยนมุมมอง การมองเห็นความสุขที่อยู่ไกลตัวออกไปใช่เพียงแต่ว่าเพ้อเจ้อเพราะคนอื่นมองเรา แต่ตรงกันข้ามมันเป็นการมองที่ทำให้เราได้มีแรงและพลังอันน่ามหัศจรรย์ ที่ได้มองปลดปล่อย ละทิ้งความทุกข์ที่มันค่อยๆ ก่อตัวอยู่รอบตัวและก่อเกิดในใจตัวเราเอง บางครั้งการได้เล่าความสุขกับใครต่อใคร เขาอาจจะไม่เข้าใจแต่ยังดีที่ความสุขแบบนิยมได้ให้โอกาสผม ได้รู้จักกับคำว่าความสุขแบบพอเพียงที่ใครๆ ก็สามารถเป็นเจ้าของได้อย่างแท้จริง

    ปล.ถ้าวันนั้นไม่มีความสุขนิยมที่ได้แบ่งปันได้เล่าถึงความฝันกับความสุขแบบนิยมในวันนั้นก็คงจะไม่มีความนิยมในความสุขของความฝันของตัวเองอย่างวันนี้
    ขอขอบพระคุณงามๆ กับท่านมีความสุขแบบนิยมทุกท่านเอย

    RenDerman

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ24 พฤษภาคม 2553 เวลา 22:21

    ถึง นายสุขแบบนิยม
    ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาบางครั้งทำให้ตัวเองลืมไปเลยว่าความสุขมันอยู่แห่งหนไหนโชคยังดีที่มีคนๆ หนึ่งกับเจ้าของบล็อกนี้ได้แลกเปลี่ยนความสุขและพูดถึงความสุขแบบนิยม ต้องเรียกว่าความสุขแบบนิยมก็เพราะว่ามันทำให้เราได้เปลี่ยนมุมมอง การมองเห็นความสุขที่อยู่ไกลตัวออกไปใช่เพียงแต่ว่าเพ้อเจ้อเพราะคนอื่นมองเรา แต่ตรงกันข้ามมันเป็นการมองที่ทำให้เราได้มีแรงและพลังอันน่ามหัศจรรย์ ที่ได้มองปลดปล่อย ละทิ้งความทุกข์ที่มันค่อยๆ ก่อตัวอยู่รอบตัวและก่อเกิดในใจตัวเราเอง บางครั้งการได้เล่าความสุขกับใครต่อใคร เขาอาจจะไม่เข้าใจแต่ยังดีที่ความสุขแบบนิยมได้ให้โอกาสผม ได้รู้จักกับคำว่าความสุขแบบพอเพียงที่ใครๆ ก็สามารถเป็นเจ้าของได้อย่างแท้จริง

    ปล.ถ้าวันนั้นไม่มีความสุขนิยมที่ได้แบ่งปันได้เล่าถึงความฝันกับความสุขแบบนิยมในวันนั้นก็คงจะไม่มีความนิยมในความสุขของความฝันของตัวเองอย่างวันนี้
    ขอขอบพระคุณงามๆ กับท่านมีความสุขแบบนิยมทุกท่านเอย

    RenDerman

    ตอบลบ
  5. มีคนบอกว่า
    เวลาแห่งความทุกข์ 1 นาทีก็ยังคงเป็นแค่ 60 วินาที
    สำหรับเรา เมื่อมองจากจุดที่ยืนอยู่ทุกวันนี้ มองย้อนกลับไปในอดีตกลับจำเรื่องทุกข์ใจไม่ได้แล้ว สุขใจกับ ทุกบทบาท ทุกหน้าที่ อาจจะโชคดีที่ยังไม่เคยเจอว่าต้องทำอะไรที่ตัวเองไม่ชอบเลยซักครั้ง...
    เมื่อต้องเจอทุกข์จนถึงที่สุด สถานการณ์อาจบีบบังคับให้เราเปลี่ยนมุมมอง และเลือกเก็บเกี่ยวเอาส่วนที่เป็นความสุขมาใส่ตัว ถึงแม้จะอยู่ในจุดเดิม
    ...พรุ่งนี้ นัดเพื่อน ๆ กินข้าวกันยังไม่ระบุเวลาและสถานที่ ถ้ายังไม่สุขนิยมกับท้องนาจนตัดขาดโลกภายนอกไปแล้ว ก็เชิญนะค่ะ...ไว้จะติดต่อไปอีกที

    ตอบลบ